Photo Credit: Prof. Dr. Gerhard Rolf Engelking and his Family
|
สัตบุรุษย่อมเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษ ภักดีต่อสัตบุรุษ มีความคิดอย่างสัตบุรุษ มีความรู้อย่างสัตบุรุษ มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษ มีการงานอย่างสัตบุรุษ มีความเห็นอย่างสัตบุรุษ ย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษ ฯ
|
[๑๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษจะพึงรู้จักสัตบุรุษว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ หรือไม่หนอ ฯ
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า รู้ พระพุทธเจ้าข้า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูกละ ข้อที่สัตบุรุษจะพึงรู้จักสัตบุรุษว่า ผู้นี้เป็น สัตบุรุษ นั่น เป็นฐานะที่มีได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัตบุรุษจะพึงรู้จักอสัตบุรุษว่าผู้นี้เป็น อสัตบุรุษไหมเล่า ฯ
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า รู้ พระพุทธเจ้าข้า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูกละ แม้ข้อที่สัตบุรุษจะพึงรู้จักอสัตบุรุษว่า ผู้นี้เป็น อสัตบุรุษ นั่นก็เป็นฐานะที่มีได้ ฯ
[๑๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษ
- ย่อมเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษ
- ภักดีต่อสัตบุรุษ
- มีความคิดอย่างสัตบุรุษ
- มีความรู้อย่างสัตบุรุษ
- มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษ
- มีการงานอย่างสัตบุรุษ
- มีความเห็นอย่างสัตบุรุษ
- ย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษ อย่างไร คือ สัตบุรุษในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ มีสุตะมาก มีความเพียรปรารภแล้ว มีสติตั้งมั่น มีปัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลสัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ของสัตบุรุษ ฯ
[๑๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้ภักดีต่อสัตบุรุษอย่างไร คือ สัตบุรุษในโลกนี้ มีสมณพราหมณ์ชนิดที่มีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ มีสุตะมาก มีความเพียรปรารภแล้ว มีสติ ตั้งมั่น มีปัญญา เป็นมิตร เป็นสหาย
ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้ภักดีต่อสัตบุรุษ ฯ
[๑๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้มีความคิดอย่างสัตบุรุษอย่างไรคือ สัตบุรุษ ในโลกนี้
- ย่อมไม่คิดเบียดเบียนตนเอง
- ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น
- ไม่คิดเบียดเบียนทั้งตนเอง และผู้อื่นทั้งสองฝ่าย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีความคิดอย่าง สัตบุรุษ ฯ
[๑๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้มีความรู้อย่างสัตบุรุษอย่างไรคือ สัตบุรุษ ในโลกนี้
- ย่อมไม่รู้เพื่อเบียดเบียนตนเอง
- ไม่รู้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น
- ไม่รู้เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้อย่าง สัตบุรุษ ฯ
[๑๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษอย่างไรคือ สัตบุรุษ ในโลกนี้
- เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จ
- งดเว้นจากคำพูดส่อเสียด
- งดเว้นจากคำหยาบ
- งดเว้นจากการเจรจาเพ้อเจ้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้มีการงานอย่างสัตบุรุษอย่างไรคือ สัตบุรุษ ในโลกนี้
- เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต
- งดเว้นจากอทินนาทาน
- งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีการงาน อย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้มีความเห็นอย่างสัตบุรุษอย่างไรคือ สัตบุรุษ ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นอย่างนี้ว่า
- ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาแล้วมีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้วมีผล
- ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วมีอยู่
- โลกนี้มี โลกหน้ามี
- มารดามี บิดามี
- สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี
- สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้าให้แจ่มแจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกมีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นอย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษอย่างไร คือ สัตบุรุษในโลกนี้
- ย่อมให้ทานโดยเคารพ
- ทำความอ่อนน้อมให้ทาน
- ให้ทานอย่างบริสุทธิ์
- เป็นผู้มีความ เห็นว่ามีผล จึงให้ทาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษนั่นแหละ
เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษอย่างนี้
- ภักดีต่อสัตบุรุษอย่างนี้
- มีความคิดอย่างสัตบุรุษอย่างนี้
- มีความรู้อย่างสัตบุรุษอย่างนี้
- มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษอย่างนี้
- มีการงานอย่างสัตบุรุษอย่างนี้
- มีความเห็นอย่างสัตบุรุษอย่างนี้
- ให้ทานอย่างสัตบุรุษอย่างนี้แล้ว
เมื่อตายไป ย่อมบังเกิดในคติของสัตบุรุษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คติของ สัตบุรุษ คืออะไร คือ ความเป็นผู้มีตนควรบูชาในเทวดา หรือความเป็นผู้มีตนควรบูชาในมนุษย์ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีพระภาษิตของ พระผู้มีพระภาคแล ฯ
จบ จูฬปุณณมสูตร ที่ ๑๐
จบ เทวทหวรรค ที่ ๑
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๔
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
Video Credit : Prof. Dr. Gerhard Rolf Engelking and his Family
Booking.com
0 comments:
Post a Comment