/> ผู้ปรารถนาความสิ้นอาสวะ | รัตนะ5 พุทธวจน

ผู้ปรารถนาความสิ้นอาสวะ

Credit: watnapp
ผู้ปรารถนาความสิ้นอาสวะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมปรารถนา ความสิ้นอาสวะ



๕. ปัตถนาสูตรที่ ๑ 


[๑๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษก แล้ว ทรงประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ ย่อมทรงปรารถนาราชสมบัติองค์ ๕ ประการเป็นไฉน

คือ พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้วในโลกนี้ ย่อมทรงเป็นอุภโต สุชาติทั้งฝ่ายพระมารดาทั้งฝ่ายพระบิดามีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ 

  • เป็นผู้อันใครๆ จะคัดค้าน ตำหนิ โดยอ้างถึงพระชาติไม่ได้ ๑ 
  • ทรงมีพระรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยพระฉวีวรรณผุดผ่องดียิ่ง ๑ 
  • ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่ง พระมารดาพระบิดา ๑ 
  • ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอใจแห่งชาวนิคมชนบท ๑ 
  • ทรงศึกษาสำเร็จดีแล้วใน ศิลปศาสตร์แห่งพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว เช่นในศิลปศาสตร์ในเพราะช้าง ม้า รถ หรือธนู ๑ 

พระราชโอรสองค์ใหญ่นั้นย่อมทรงดำริอย่างนี้ว่า เราแลเป็นอุภโตสุชาติทั้งฝ่าย พระมารดาทั้งฝ่ายพระบิดามีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ เป็นผู้อันใครๆจะคัดค้าน ตำหนิ โดยอ้างถึงพระชาติไม่ได้ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า 

เราเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยฉวีวรรณผุดผ่องดียิ่ง ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า 

เราแลเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่งพระมารดาและพระบิดา ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า 

เราแลเป็นที่รักเป็นที่พอใจแห่งชาวนิคมชนบท ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า 

เราแลเป็นผู้ได้ศึกษาสำเร็จดีแล้วในศิลปศาสตร์แห่งพระราชาผู้กษัตริย์ ได้ มูรธาภิเษกแล้ว เช่นในศิลปศาสตร์ในเพราะช้าง ม้า รถ หรือธนู ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ ประการนี้แล ย่อมทรงปรารถนาราชสมบัติ ฉันใด ฯ 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมปรารถนา ความสิ้นอาสวะ ฉันนั้นเหมือนกัน ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ 

  • ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา เชื่อพระปัญญา เครื่องตรัสรู้ของตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ๑ 
  • ป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อย ประกอบด้วยไฟธาตุสำหรับ ย่อยอาหารสม่ำเสมอดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก เป็นปานกลาง ควรแก่การบำเพ็ญเพียร ๑ 
  • เป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา เปิดเผยตนตามเป็นจริงในพระศาสดาหรือเพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้แจ้ง ๑ 
  • เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ๑ 
  • เป็นผู้มีปัญญา คือประกอบด้วยปัญญาเครื่องหยั่ง เห็นความเกิดและความดับอันประเสริฐ ชำแรกกิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ๑ 

เธอย่อมคิดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีศรัทธา เชื่อต่อพระปัญญาเครื่องตรัสรู้ของตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า 

เราแลเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อยประกอบด้วยไฟธาตุสำหรับย่อยอาหารสม่ำเสมอ ดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก เป็นปานกลาง ควรแก่การบำเพ็ญเพียร ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า

เราแลเป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา เปิดเผยตนตามเป็นจริงในพระศาสดาหรือ เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้แจ้ง ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า 

เราแลเป็นผู้ปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม มีกำลังมีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอด ธุระในกุศลธรรม ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า 

เราแลเป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญาเครื่องหยั่งเห็นความเกิดความดับ อันประเสริฐ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมปรารถนาความสิ้นอาสวะ ฯ 

จบสูตรที่ ๕

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๑๓๘ ข้อที่ ๑๓๕




Booking.com

Share on Google Plus

About Unknown

    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments:

Post a Comment