/> มรณสติ | รัตนะ5 พุทธวจน

มรณสติ

Image source: Rinse&Repeat
ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่ง ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า เพื่อละเสียซึ่งบาปอกุศลธรรมเหล่านั้น (โดยด่วน) เช่นเดียวกับบุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว จะพึงกระทำฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬหี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะอันแรงกล้า เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย ฉันใดก็ฉันนั้น


ภิกษุทั้งหลาย. ! มรณสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ เป็นธรรมหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน.

ภิกษุทั้งหลาย ! มรณสติ อันบุคคลเจริญเห็นปานนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในกรณีนี้ ผ่านกลางวันมาถึงกลางคืนแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นว่า ปัจจัยแห่งความตายของเรามีมาก คืองูฉกเรา แมลงป่อง ๑ ต่อยเรา หรือตะขาบ ๑ กัดเรา หรือว่าเราเดินพลาดล้มลง อาหารไม่ย่อย ดีกำเริบเสมหะกำเริบ หรือลมสัตํถกวาตกำเริบ หรือว่าพวกมนุษย์หรืออมนุษย์ทำร้ายเรา ความตายก็จะมีแก่เรา นั่นเป็นอันตรายของเรา ดังนี้.

ภิกษุนั้น พึงพิจารณาสืบไปว่า “มีอยู่หรือไม่หนอ บาปอกุศลธรรมที่เรายังละไม่ได้ แล้วเป็นอันตรายแก่เรา ผู้กระทำกาละลงไปในคืนนี้” ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้สึกว่าบาปอกุศลธรรมอย่างนั้นมีอยู่

ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่ง ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า เพื่อละเสียซึ่งบาปอกุศลธรรมเหล่านั้น (โดยด่วน) เช่นเดียวกับบุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว จะพึงกระทำฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬหี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะอันแรงกล้า เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย ฉันใดก็ฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า บาปอกุศลธรรมอย่างนั้นไม่มีอยู่ ภิกษุนั้น พึงอยู่ด้วยปี ติปราโมทย์นั้นนั่นแหละ ตามศึกษาอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน ในกุศลธรรมทั้งหลาย 

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในกรณีนี้ ผ่านกลางคืนมาถึงกลางวันแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นว่า ปัจจัยแห่งความตายของเรามีมาก คืองูฉกเรา แมลงป่อง ๑ ต่อยเรา หรือตะขาบ ๑ กัดเรา หรือว่าเราเดินพลาดล้มลง อาหารไม่ย่อย ดีกำเริบเสมหะกำเริบ หรือลมสัตํถกวาตกำเริบ หรือว่าพวกมนุษย์หรืออมนุษย์ทำร้ายเรา ความตายก็จะมีแก่เรา นั่นเป็นอันตรายของเรา ดังนี้.

ภิกษุนั้น พึงพิจารณาสืบไปว่า “มีอยู่หรือไม่หนอ บาปอกุศลธรรมที่เรายังละไม่ได้ แล้วเป็นอันตรายแก่เรา ผู้กระทำกาละลงไปในวันนี้” ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้สึกว่าบาปอกุศลธรรมอย่างนั้นมีอยู่

ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่ง ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า เพื่อละเสียซึ่งบาปอกุศลธรรมเหล่านั้น (โดยด่วน) เช่นเดียวกับบุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว จะพึงกระทำฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬหี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะอันแรงกล้า เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย ฉันใดก็ฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า บาปอกุศลธรรมอย่างนั้นไม่มีอยู่ ภิกษุนั้น พึงอยู่ด้วยปี ติปราโมทย์นั้นนั่นแหละ ตามศึกษาอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน ในกุศลธรรมทั้งหลาย

ภิกษุทั้งหลาย ! มรณสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว อย่างนี้แล ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ เป็นธรรมหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาร

- อฏฐก. อํ. ๒๓/๓๓๑/๑๗๑.


Booking.com

Share on Google Plus

About Unknown

    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments:

Post a Comment